Monday 12 January 2015

[REVIEW] Qatar Airways Cabin Crew Recuitment Event, Bangkok, Thailand | DECEMBER 2014


REVIEW

การสมัครและสัมภาษณ์
แอร์โฮสเตส สายการบิน Qatar Airways
รอบ DECEMBER 2014


██ ‎คำนำ ██

 สิ่งที่เอามาเขียนทั้งหมด ถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ตรง + ถามจากคนอื่นๆ + อ่านๆเอาในบอร์ด TCC และ Blog ของพี่ๆบางท่าน
 ตอนแรกโพส ใน Facebook ของตัวเอง
 นี่จะเป็นบล็อคที่ยาวมากกกกกก อภิมหายาว เตือนแล้วนะ! น้ำเยอะกว่าเนื้อ แต่ก็นะ...ตามประสาคนพูดมาก เราใส่เรื่องตัวเองปนไปค่อนข้างเยอะ อ่านๆเหอะ 555555
 อันไหนขาดหายไปก็ถามได้เลยค่า อ่านๆไป ไทยปนอังกฤษแล้วรำคาญก็ขอโทษด้วยค่ะ บางคำเราไม่รู้จะหาคำอะไรมาแทนให้มันเข้าใจได้ไวที่สุดจริงๆ T_T
 หวังว่าข้อมูลต่อไปนี้จะช่วยทุกคนได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^

เราจะไล่หัวข้อตามนี้ Grooming > สิ่งที่ต้องเตรียม > Process การสมัคร > Process วันสัมภาษณ์ > รอผล


██ ‎GROOMING ██

 เสื้อผ้า : ไม่ต้องเป็นสูทเสมอไปนะ ไม่จำเป็นต้องแดงด้วย 5555 เราใส่เสื้อแขนสั้นสีโอรส มีลูกเล่นที่คอ กับกระโปรงสีดำเอวสูงยาวปิดเข่าพอดี (ซื้อที่ยูเนี่ยน 1 วันก่อนสัมภาษณ์ เสื้อ 270 กระโปรง 250 (ร้านนี้ก็ถือว่าแพงนะ) แต่ซื้อทั้งหมด 4 ตัวเค้าลดให้เหลือ 900) ไม่มีสูท ใส่มาแล้วนึกว่าคุณครูประถม 5555 คือ...จะใส่แบบไหน สีไหนก็ได้ เอาที่เรามั่นใจแล้วมันสุภาพก็พอ สามวันเราใส่ชุดเดิม ไม่เปลี่ยน (ไม่ซักด้วยยอมรับ 5555)

 ผม : ทรงอะไรก็ได้ บางคนทำทรงบัน ทรงกล้วย (French Twist) บางคนแค่มัดแล้วเอาตาข่ายครอบ บลาๆ มีคนที่เข้าไฟนอลกับเราคนนึงแค่มัดผมให้ตึงแล้วปล่อยหาง คือ ให้มันดูเรียบร้อยอีกเหมือนกัน ขอแค่เก็บข้างหน้าให้หมด อย่ามีปรอยๆ ลูกผมนี่อัดสเปรย์ไปโลด ส่วนสีผม ถ้าติดเดี๋ยวเค้าจะให้ไปย้อมกลับเป็นสีธรรมชาติจ้า

 แต่งหน้า : ไม่ต้องเอาหนามาก เป๊ะมากนะ เค้าชอบคนที่แต่งหน้าเอง อย่างเราปกติไม่แต่งหน้า แต่งก็ไม่เป็น ช่วงนั้นพยายามฝึกๆ ลองเปิด YouTube ทำสโมคกี้อายเบาๆ คือทุกอย่างต้องฝึกอ่ะ แล้วคสอ.ที่เรามีแต่ละอย่างก็ไม่ได้ช่วยให้หน้าเป๊ะเท่าไหร่ แต่เราก็เอาตามที่พอมี 55555 ปากแดงนี่จำเป็นหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่เราแดง และก็เห็นใครๆก็ทาแดงไปเหมือนกัน อืมมมม...เอาเป็นว่าปากนี่แดงดีกว่า แนะนำ ทาเล็บด้วยนะคะ

(กลับมา Edit เพิ่มเติมค่ะ.... ลืมบอกไปว่าห้ามติดขนตาปลอมนะ ละก็พอได้มาเทรนแล้ว คือตอนนี้ยังไม่ได้เรียน Grooming อย่างจริงจัง แต่ได้เจอ Instructor เกี่ยวกับ Grooming มาแล้ว... ถ้ามาทำงาน เค้าไม่แนะนำให้ทำสโมคกี้นะคะ ไม่แนะนำ Eye Shadow สีดำหรือโทนมืดด้วย เหอะๆๆๆ ไอ่ที่ทำตอนไปสัมภาษณ์อ่ะ แอบพลาด TT)

 อื่นๆ : ถุงน่องต้องใส่นะ เอาสีใกล้เคียงกับขา บางคนใส่ 4 ชั้นก็มี (ปิดแผล + กันถุงน่องรัน) / รองเท้า มีส้นให้เข้ากับสีชุด / เรื่องขน...เราไปอ่านเจอมาว่าให้ wax ขนแขน ขาออกด้วย เค้าว่ากันว่าพวกแขกไม่ชอบ แต่บางคนก็บอกไม่จำเป็น ไร้สาระไรงี้ เราว่าการตัดสินใจที่จะ wax ขนสักที่นี่คือต้องคิดดีๆนะ เพราะแปลว่าเราต้องทำอีกต่อไปเรื่อยๆเป็นประจำ แต่ ณ จุดนั้นเราไม่คิดไรแล้วอ่ะ ถ้าเค้าแนะนำว่าควรทำก็ทำเหอะ ที่หลายๆคนว่าไร้สาระนี่ คือใครจะไปรู้จริงไหม เราอาจจะตกเพราะเหตุผลแค่นี้ก็ได้ 555 เลยจัดการแค่ตรงแขน สองข้าง 100 บาท ยูเนี่ยนชั้น 4 ค่า (ไม่ได้ค่าโฆษณา 55555)

 เรื่องสิว... ถ้าจะพูดไป เค้าว่ากรรมการก็ดูเรื่องนี้จริงๆนะ ถ้าพอมีบ้างนิดหน่อยไม่กี่เม็ดก็ปิดๆคอนซีลมา พอทน (แต่จะบอกว่าสุดท้ายแล้วแสงในห้องสัมภาษณ์มันสว่างมากกก มันคือแสงจริงเข้ามาจากหน้าต่างบานใหญ่อ่ะ เห็นทุกอย่างบนหน้าเลย คอนซีลก็ไม่ช่วยนะ แล้วก็มีไฟขาวๆตั้งสาดมาสองฟากด้วย) ถ้าผดๆนิดหน่อยบนหน้าผากกรรมการก็ดูออกว่าไม่ยิ่งใหญ่มาก เค้าก็โอเค อาจจะพูดให้ความหวังเราตอนสัมภาษณ์รอบท้ายๆว่าถ้าได้ไปโดฮาก็รักษามาด้วยละกัน ไรงี้ 5555 ถ้ายังไม่มั่นใจก็รักษามาก่อนก็ได้


██ ‎‎สิ่งที่ต้องเตรียม██ 

 รูปถ่ายตอนใช้สมัคร : ไปถ่ายตามร้านก็จะมีมาให้ 2 แบบ คือ เต็มตัวและครึ่งตัว ของเราไป Photolista (ไม่ได้ค่าโฆษณาอีกเหมือนกัน) รูปสวยนะ เราชอบ (คือมันเฟคมากกกกกกก กรรมการดูรูปอาจจะตามหาตัวจริงไม่เจอ) ที่จริงมีอีกหลายร้าน ลอง Google ดูตัวอย่างรูป แต่ละร้านจะมีสไตล์การแต่งรูปไม่เหมือนกัน แล้วแต่คนชอบ ถ้าผ่านเข้ารอบ Final เดี๋ยวเค้าก็จะขอให้ส่งรูปใหม่ ของ QR จะขอ Background สีฟ้า ตัวตรง ไม่ Photoshop (ซึ่งร้านพี่ไทยไม่เคยเข้าใจคำนี้ สุดท้ายรูปเราก็โดนแต่งอยู่ดี -*-)

 สำเนาวุฒิการศึกษา : ในกรณีถ้ายังไม่จบมหาลัย ของเราใช้ม.ปลาย (ใบปพ.6 ที่เป็นเหมือนประกาศนียบัตรอ่ะ) บางคนก็ใช้ใบเกรดม.ปลายก็มี ภาษาไทยเนี่ยแหล่ะค่ะ ถ้าติดค่อยว่ากันอีกที

 สำเนา Passport : ใครยังไม่มีก็ไปทำโลด ประมาณ 2-7 วันก็ได้แล้ว ค่าทำ 1,000 บาท (ค่าส่งในกทมอีก 50) พกบัตรประชาชนไปใบเดียว วันนั้นเราไปถึงที่ทำบ่ายโมงกว่าๆ ไม่ถึงบ่ายสี่เสร็จแล้วค่า

 CV : สำคัญมากกกก เค้าจะดึง Work experience ของเรามาถาม ใครไม่เคยทำงานก็ใส่พวกงาน Volunteer ไปก็ได้ ถ้าไม่เคยมีเลย....เออ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรโกหกไปหรือยังไง T_T

 ฝึกภาษาอังกฤษไป ไม่ต้องเก่งมาก ศัพท์ไม่ต้องหรู พื้นๆเหมือนพูดปกติเนี่ยแหล่ะ แต่เอาให้มันธรรมชาติ

 ดวง ดวง ดวง ดวง ดวง ดวง พกไปเยอะๆๆๆๆ



██ ‎Process การสมัคร ██

 ตามข่าวดีๆ เท่าที่สังเกตดูจากปี 2014 มาแทบทุกเดือน บางทีก็สองเดือนครั้ง

 รอบเราเป็น Invited only คือต้องสมัคร Online ก่อน แล้วเค้าจะส่ง Invitation มาทางเมลล์ เพื่อให้เราไปวันสัมภาษณ์อีกที

 เตรียมไฟล์เอกสารข้างต้นที่บอกให้พร้อม เพราะต้อง Upload เข้าระบบ (pdf, ไฟล์รูป ได้หมด)

 ในเว็บมีให้เขียนบรรยายข้อนึง “Please tell us in less than 100 words what qualities you have that will make you an outstanding 5-Star Cabin Crew member at Qatar Airways and how you have demonstrated them in the past” แต่งรอไว้ได้เลย

 รอบเราเค้าบอกว่าปิดรับสมัครวันที่ 19/12/2014 (หรือไม่ก็วันที่ 20 21 เนี่ยแหล่ะ จำไมได้)... เรากรอกใบสมัครทุกอย่าง ส่งเมื่อวันที่ 24/11/2014 ได้ Invitation วันที่ 16/12/2014 เค้าให้ไปสัมภาษณ์ 21/12/2014

 เหมือนรอบเราจะปิดรับสมัครก่อนวันที่ประกาศเกือบ 10 วันได้ (ได้ยินเค้าว่ามา 5555) แล้วสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากตอนส่งใบสมัครรอบ Oct2014 คือตอนนั้นเอกสารเราไม่มีอะไรพร้อมเลย เราเลยส่งวันสุดท้ายที่เค้าปิดรับสมัคร ซึ่งแน่นอนว่าไม่ทัน เพราะก่อนหน้าวันปิดรับสมัครก็มีคนได้ Invitation ไปเรียบร้อยแล้ว... ดังนั้น ถ้าได้ข่าวว่ามันเปิดแล้ว อย่างนิ่งนอนใจ รีบส่งจะดีกว่านะ ^^


██ ‎Process วันสัมภาษณ์ ██

- เราจำไม่ได้หรอกว่าแต่ละ Process มันมีชื่อของมันจริงๆว่ายังไง ดังนั้นชื่อที่จะได้ยินต่อจากนี้คือเรามั่วนะ อย่าจำไปตอบถ้ากรรมการถามเด็ดขาด 5555555555

♥♥♥ 21/12/2014 ♥♥♥
♥♥♥ รอบแรก Pre-screen ♥♥♥

(Drop a CV หรือรอบที่เค้าเรียกกันว่ารอบสามวิ...แต่บ้างก็เรียกสิบ อืมมมมม)

 สถานที่รอบเราเป็นโรงแรม InterContinental ตรง BTS ชิดลม เริ่มยื่นเอกสารได้ตั้งแต่ 0900-1700 เราไปถึงตอน 0909 (ไม่ได้ตั้งใจ แต่เลขสวยจริง คิคิ) ไปถึงก็ไปที่ห้องนั่งรอ มีบางส่วนถูกเรียกเข้าไปยื่นเอกสารแล้ว ที่เหลือก็นั่งรอเป็นแถวๆไป เม้าท์ทำความรู้จักกับคนข้างๆ เดินไปห้องน้ำได้ (เพราะมันนานและแอร์เย็นมากกกก) เดี๋ยวจะมีพนักงานของโรงแรมเรียกแต่ละแถวให้เข้าไปหากรรมการที่อยู่อีกห้องนึง เราได้เข้าประมาณ 1100... ยังไม่เปื่อยมาก

 เอกสารเราเตรียมไปสองชุด (กันเหนียวเฉยๆ) เอาคลิปหนีบกระดาษไปด้วยก็ดี เค้าให้เตรียม 4 อย่างเหมือนที่กล่าวไปข้างต้น อย่าลืมพิมพ์ Invitation จาก email ไปด้วยนะ เอาไว้ใช้ให้คนเรียกแถวดู (แต่กรรมการไม่ได้ขอ)

 เปิดประตูเข้าไป มีโต๊ะสามโต๊ะตั้งเรียงห่างๆกัน กรรมการ 3 ท่าน (มาเลเซียออกจีน ชื่อ Tina / มาเลเซียออกแขก ชื่อ Catherine / ฝรั่งเศส ชื่อเขียนไงไม่รู้ แต่เราเรียกเค้าว่าดอร์เนียกัน) เราได้เจอกรรมการคนซ้ายสุดคือ Tina ยิ้มหวานๆให้ทีนึง เดินไปที่โต๊ะ เค้าก็ทักทายเรา Hello, how are you? เราก็ตอบ I’m good, thank you.. and you? ตามประเพณี 5555 Here is my CV แล้วก็ยื่นให้เค้า เค้าถามว่าเคยมาสมัครแอร์ก่อนหน้านี้ไหม เราบอกว่าไม่เคย นี่ครั้งแรกแล้วก็มาที่ QR เป็นที่แรกด้วย แล้วถามเราต่อว่าเคยไปสมัครกับ TG ไหม...เอ๊า! ก็บอกไปแล้วไงว่าที่นี่ที่แรก 555 แต่ไม่เป็นไร ตอบซ้ำไปค่ะ ยิ้ม เค้าถามตอนนี้ทำอะไรอยู่ ก็บอกว่าเป็นนักเรียนอยู่ ก็บอกไปว่าเรียนอะไรที่ไหน แต่โกหกไปว่าจะจบเดือนกุมภานี้แล้ว (กลัวเค้าตัดตก 55) แล้วเค้าก็บอกว่าเห็นแผ่นสีขาวข้างหลังนั้นไหม (ชี้ไปหลังห้อง ข้างประตูที่เดินเข้ามาตอนแรก) ลองเดินไปเอื้อมแตะสิ (นั่นคือทำ Arm reach 212 cm. นั่นเอง) เราก็โอเค เห็นค่ะ เดินไปแตะ...ตอนนั้นใจชื้นละ เห้ยย เท่าที่อ่านมาคือเหมือนได้ไปต่อแล้วอ้ะ พอเดินกลับมาที่โต๊ะ มือเค้าเอื้อมหยิบกระดาษสีขาวๆข้างๆเค้าละ ตอนนั้นคือแอบกรี๊ดในใจแล้วววว เห้ยย! นั่นมัน invitation ให้มาสัมภาษณ์ต่อวันพรุ่งนี้แน่ๆ ระหว่างนั้นเค้าก็ถามว่าทำไมเลือกเรียน Aviation ก็อธิบายไป ว่าเราชอบมาก บ้านอยู่ใกล้สนามบินตั้งแต่เด็กๆ เห็นเครื่องบินกี่ครั้งๆก็ชอบแล้วรู้สึกว่าโตมาเราต้องทำงานกับสิ่งๆนี้ให้ได้ แต่!!! เสือกบอกต่อว่าขนลุกทุกครั้งที่ได้เห็นเครื่องบิน (And I got goosebumps everytime I saw it) ตอนนั้นคือจากที่มือกรรมการอยู่บนใบ Invite กลายเป็นหุบกลับเข้ามาทันที... แอบเห็นแล้วน้ำตาจะไหล กรูตอบเชี่ยไรไปเนี่ยยยย ฆ่าตัวตายมากกกกก ถ้าพลาดนี่คือ เพราะอิขนลุกของตัวเองนี่แหล่ะ T_T กรรมการก็ถามว่าว่า เห้ย ขนลุกเลยหรอ แล้วงี้ถ้ายูได้ทำงานบนเครื่องบินจะไม่ขนลุกหรอเนี่ย เราเลยหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วบอกว่า ไม่ๆๆๆตอนนี้ไม่เป็นแล้ว ชินแล้ว 55555 (เนียนๆไป) เค้าถามต่อว่าแล้วทำไมถึงมาสมัครที่นี่ ไปทำงานที่ต่างประเทศได้หรอ เราบอกว่าได้ ชอบอะไรที่ challenge อยู่แล้ว เค้าถามแล้วครอบครัวไม่เป็นห่วงหรอ.. แม่ง อันนี้น้ำตาแทบไหล ยิ้มไปตอบไปว่า I live on my own, so no one will be worried about me working abroad เค้าก็มองหน้าเราแล้วบอกว่าขอโทษ (ที่ถามเรื่องนี้) ตอนนั้นเค้าหยิบใบออกมา แล้วเขียนชื่อเราลงไปในใบ พร้อมถามว่า What is the most challenging for you if you work at Qatar airways? ณ จุดนั้นคือดีใจมากที่เห็นเค้าเขียนใบ คิดคำตอบไม่ออก ก็แถไปแบบไม่ดีเลยว่า การที่ได้เจอผู้คนมากมาย ต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม แล้วเราต้องบริการเค้าให้เค้าประทับใจเรา....โง่มากค่ะ ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วจริงๆ 55555 แล้วเค้าก็ยื่นใบให้เรา บอกว่า Okay, this is for you. Don’t show this to anyone and see you tomorrow เรายิ้มแก้มปริเลย ขอบคุณเค้ายกมือไหว้ด้วยนะ 555 แล้วก็บอก See you tomorrow แล้วเดินออกมา... มานั่งทบทวนแล้ว เอ๊ะ หรือเพราะเราทำตัวดราม่าว้า เค้าสงสาร เลยให้ใบมา 55555


 22/12/2014 
 รอบสอง Assessment Day 

 ในใบบอกให้มา 0800... เรามาถึงก่อนประมาณ 15 นาทีได้ รอบอื่นๆเห็นว่าให้มารับ sticker เลขประจำตัวไปติดก่อน แต่รอบเราคือนั่งรอหน้าห้องตามหมายเลขที่ได้บนใบเมื่อวานก่อน (เมื่อวานเห็นกรรมการว่าคนมายื่น CV 600-700 คน ผ่านมารอบนี้มี 143 คน เราได้เลข 69..เลขสวย ชอบๆ) สักพักกรรมการมาแจกหมายเลขด้วยตัวเองแล้วเดินเข้าห้องไปนั่ง เตรียมดู Presentation เกี่ยวกับสายการบินต่อไป

 Process ของ QR วันที่สองปกติที่เราอ่านๆเอาใน TCC คือ ดู Presentation > English Test (ระหว่างทำก็โดนเรียกไปเอื้อมแตะ 212 cm. ทีละคน) > ประกาศคนผ่าน > Group Discussion > ประกาศคนผ่าน > Public Speaking > ประกาศคนผ่าน > Final Interview วันที่สาม > รอผลทาง email …… บางรอบก็เปลี่ยน Process (เห็นว่ารอบ Oct2014 ตัด Group Discussion ออก เพราะเค้าบอกว่ามันไม่ได้วัดอะไรเลย) ซึ่งแน่นอนว่ารอบเราก็โดนเปลี่ยน เปลี่ยนไปเยอะจนเกิดดราม่าในบอร์ดเลยแหล่ะ

 รอบเรา Dec2014 เป็นแบบ ดู Presentation > English Test > ยกเลิกผล English Test > เรียกไปสัมภาษณ์ทีละคน > ประกาศคนผ่าน > Final Interview วันที่สาม > รอผลทาง email …. คือตัดขั้นตอนออกไปเพื่อให้ได้สัมภาษณ์กับกรรมการสองรอบไปเลย บางคนอาจจะบอกว่าดี ขั้นตอนน้อย แต่เราไม่นะ ด้วยความที่กรรมการต้องสัมภาษณ์คน 143 คน ซึ่งมันนานมากกกกก แล้วเราจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่รู้ เอากี่คนก็ไม่รู้ คำนวณโอกาสที่จะได้ไปต่อไม่ได้เลย ไม่เหมือนวัดๆไปแต่ละด่าน ได้คือได้ ตกคือตก ตอนนั้นคือทำใจจริงๆ

 ตอนดู Presentation ของสายการบิน...น้ำตาจะไหลขึ้นมาเอง 5555 Sensitive มากกก (เราเนี่ยแหล่ะ ไม่ใช่ตัว vdo)

 English Test เริ่มจากข้อกา ให้อ่านเรื่องสั้นๆแล้วตอบคำถาม 5 ข้อ หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 ข้อเป็น vocab นิดหน่อย ไม่ยากๆ บางข้อประมาณว่า Is ____ anything I can help? a) they b) their c) there ไรงี้ มีคำนวณ GMT ข้อนึง คำนวณเลขอีกประมาณ 3 ข้อ ง่ายอีก เช่น ATC บอกให้เครื่องรอ 240 นาที คิดเป็นกี่ชั่วโมง a) 2 hrs b) 3 hrs c) 4 hrs ไรงี้ ข้อสอบลอกไม่ได้ มี 2-3 ฟอร์ม... ไปหัวเสียตรงหน้าสุดท้าย คือ ข้อเขียน กรรมการจะบอกคำถามตอนก่อนเริ่มทำข้อสอบ ก็จดลงไปเลย รอบเราถามว่า “What do you do if your schedule is interrupted. ให้ยกตัวอย่าง work experience ที่เคยเจอเหตุการณ์นี้ว่าเราจัดการกับมันยังไง (จำคำถามภาษาอังกฤษไม่ได้)” เอาตรง... ตอนได้โจทย์คืออึ้งมาก งงสุด ต้องการไรฟระ ไม่เข้าใจคำถาม แต่ไม่ใช่แค่เราคนเดียว....แทบทุกคนในห้องล้วนสงสัยว่าคำถามแปลว่าอะไร 555555 มีคนเสี่ยงตายถามกรรมการว่า What does the question mean ด้วยนะ 5555555 กรรมการก็เลยอธิบาย แล้วก็ให้เวลาทำทั้งข้อสอบทั้งหมด 45 นาที

 หมดเวลาทำข้อสอบตอน 0950 เค้าก็บอกว่าให้ไปเบรค เข้ามาเจอกันอีกที 1020

 พอเข้าห้องมาเค้าบอกว่าทุกคนเข้าใจคำถามข้อเขียนเค้าผิด แทบไม่มีใครเขียนถูกเลย (อ่าวววววว) ดังนั้นเค้าจะยกเลิกผลข้อสอบภาษาอังกฤษ ต่อไปจากนี้จะเป็นการสัมภาษณ์พวกคุณทุกคน เข้าห้องไปทีละคน เริ่มตั้งแต่หมายเลข 1-63 ส่วนหมายเลข 64 เป็นต้นไปไปพักก่อนได้ เราได้เลข 69 เลยเกาะกลุ่มกับพี่ๆคนอื่นๆที่อยู่ชุดหลังไปกิน Mc’s ฝั่งตรงข้ามโรงแรม ระหว่างนั้นเราเลยแชทถามเพื่อนฝรั่งเราว่าหัวข้อข้อเขียนนั้นแปลว่าอะไร ต้องการอยากรู้อะไร เพื่อนตอบมาว่า It’s a crappy question (555555 นึกว่าคิดอยู่คนเดียวซะอีก) เค้าก็อธิบายว่า but they are probably trying to ask you something like 'if your schedule is interrupted while at work, how would you deal with situation and get back on schedule'. Like, what steps would you take to deal with a problem and get back on time. Even for me, I’m not sure what the interviewer wants to know. It's a badly worded question. เออ ขนาดเจ้าของภาษายังไม่รู้จะตอบไร เราเขียนไม่ได้ก็คงไม่แปลก ช่างแม่งงง 555

 กลับจากกินแมคประมาณ 1130 ก็ไปถามคนที่ต่อคิวหน้าห้องว่าตอนนี้สัมภาษณ์ไปกี่คนแล้ว เค้าบอกตอนนี้หมายเลข 12 เพิ่งเข้าไป.... เห้ยยยย! 1 ชั่วโมง 12 คน ตายแล้ววววววว รอเปื่อยแน่ตรูวันนี้

 เราก็เข้ามารอกันในห้องรอ เม้าท์กันจนไม่รู้จะเม้าท์ไรละ แอร์ก็หนาวจริงจัง คอยถามคนอื่นๆบ้างว่าโดนถามว่าอะไร หลักๆก็มี ถามเรื่องงานที่เราเขียนไว้ใน CV แล้วก็อะไรอีกไม่รู้ (จำไม่ได้) แต่รู้ว่าแอบโหด สักพักเวลาผ่านไป กรรมการเริ่มเร่งเวลา เริ่มถามน้อยลง จนสัมภาษณ์ครบทั้ง 63 คน เค้าก็เข้ามาในห้องแล้วประกาศผลคนที่ผ่าน (ใน 63 คนผ่านเข้ารอบต่อไป 28 คน) แล้วเค้าก็เรียกเลข 64 เป็นต้นไปให้เข้าไปสัมภาษณ์

 เราอยู่ 69 เลยไปนั่งรอหน้าห้อง ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ (รอจนเปื่อยนั่นเอง 5555) อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละ เซ็ทหลังเริ่มถามแค่คนละ 1-3 นาที บางคนพอสัมภาษณ์เสร็จกรรมการให้คนต่อไปเข้าห้องต่อได้เลย แต่บางคนเค้าบอกว่าให้คนต่อไปรอ 1 นาที ซึ่งเราได้รอก่อนเข้าห้อง เราก็นับในใจ 60 วิแล้วเคาะประตู May I come in please? ว่าไปตามเรื่อง ตอนนั้นประมาณบ่ายสี่ (ละเหลืออีก 70 กว่าคนจะเสร็จตอนกี่โมงล่ะ เหอะๆๆ) เข้าไปในห้องแล้วข้างหน้าเป็นกรรมการ 3 คนนั่งติดกัน ยิ้มต้อนรับเรา เราเดินไปข้างหน้ามีเก้าอี้ ก็ผายมือไปที่เก้าอี้แล้วถามก่อนนั่งด้วยนะว่านั่งได้ไหม 5555 มารยาทดีเกิ๊นนน แล้วก็เจอคำถามแรก เค้าถามประมาณว่าคิดยังไงกับวันนี้ รอนานไหม เราก็ยิ้มๆตอบไปว่าทุกคนรอได้ เพราะเรามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเรารอเราอยู่ข้างหน้า แล้วเค้าก็ยื่นข้อเขียนเรามาแล้วบอกให้อ่านให้ฟัง!!! OMG โคตรน่าอาย เข้าใจป่ะว่าเขียนมั่วมากนะ อ่านไปอายไป นี่ตรูเขียนอะไรลงไป เราก็พยายามมองหน้าเค้าตอนอ่านบ้าง เพื่อดูว่าเค้าจะให้หยุดอ่านเมื่อไหร่ 555555 สักพักก็เหมือนถึงเวลาอันเหมาะสม เราหยุดอ่าน เค้าเลยถามเรา Tell us about your most embarrassing moment เราก็หัวเราะ แล้วเล่าเรื่องที่สมัยเราอยู่ม.ต้น เราไปเที่ยวกับเพื่อนที่เขื่อน ไปให้อาหารปลากัน แล้วเราตกไปในน้ำที่มีปลาอยู่เยอะๆ เค้าก็หัวเราะกันใหญ่แล้วถามว่าเราไม่โดนปลากินไปด้วยหรอไรงี้ ตอนนั้นเราก็หัวเราะๆ คุยไปคุยมากับเค้าเรื่องนี้สักพัก แล้วเค้าก็ให้เราบอกคนต่อไปว่ารอ 1 นาทีนะ

 ตอนนั้นก็สับสนอยู่นะว่าที่ให้รอ 1 นาทีกับไม่รอ ต่างกันยังไง ใครที่เค้าชอบแล้วจะให้ไปต่อกันแน่..... กลับเข้ามารอที่ห้องก็เม้าท์กันกับคนอื่นๆ บางคนโดนถามว่าชอบสีอะไร ให้เลือกเกิดเป็นสัตว์สักอย่างจะเลือกเกิดเป็นอะไร เพราะอะไร ชอบดอกไม้อะไร ให้เล่าเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิต การศึกษาสำคัญกับคนเราอย่างไร คิดว่าระบบการศึกษาไทยมีปัญหาที่ตรงไหน คิดยังไงกับคำว่า Poority บลาๆ เราเลยว่าคำถามเราง่ายไปเลย 555

 จนถึงเกือบสองทุ่มได้เวลานั้นก็มาถึง กรรมการประกาศเลข และมีเลขเราด้วย (80 คนรอบหลังผ่านเข้ารอบ 17 คน) ตอนนั้นดีใจมากกกก งงด้วยว่าผ่านได้ไง และก็แอบเสียใจกับพี่ๆที่ไม่ผ่าน คือทุกคนดู professional กว่าเรามาก กริยาท่าทาง ภาษาก็ดีกว่า พูดแล้วดูน่าฟังมาก ซึ่งเราเป็นคนพูดไวเราว่ามันดูไม่น่าฟัง ดูไม่เพราะเลย แล้วนิสัยติดตัวคือเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม เวลาเราพูดกับกรรมการก็ไม่ได้ยิ้มตลอด เอออ.. งงๆ

 เราโดนกรรมการ Catherine ที่นั่งตรงกลางถามอย่างเดียว คนอื่นๆไม่ถาม แต่เห็นว่ากันว่าคนอื่นมีหน้าที่สังเกตเราแล้วจดๆๆๆลงไป เช่น Tina คนซ้ายเดาว่าน่าจะดูเรื่องผิวเรา การ grooming ไรงี้

 หลังจากนั้นเค้าก็เรียก 45 คนทั้งหมดที่ผ่านเข้ารอบ มาฟัง Presentation เกี่ยวกับกฎระเบียบของบริษัท เงินเดือน บลาๆ แล้วก็แจกใบให้ declare พวกแผลเป็น รอยสัก บลาๆ เรามีแผลเป็นแต่ไม่กล้า declare ไปก็ใส่ N.A. หมดเลยค่า หลังจากนั้นก็แจกใบสมัครให้กรอก บอกว่าให้มาส่งพรุ่งนี้ พร้อมไปถ่ายรูปมาใหม่ แต่ด้วยความที่ดึกแล้วถ่ายรูปไม่ทันเลยให้ส่งทาง email ภายใน 3 วันแทน แล้วก็ปล่อยกลับบ้าน เจอกันใหม่พรุ่งนี้ 0730.... ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม


 23/12/2014 
 รอบสาม Final Interview 

 ด้วยความที่นัดเช้ามากกก แล้วเราทำผมเองไม่เป็น ร้านก็ไม่เปิด เลยปล่อยผมฟูวิ่งมาหาคนที่มาถึงแล้วให้ช่วยทำผมให้แต่เช้าเลยจ้า ด้านสุดๆ ><

 กรรมการมาถึง บอกว่าจะเรียกเราเข้าไปสัมภาษณ์ทีละคน บางคนก็โดนถามเยอะ บางคนก็แทบไม่โดนเลย (เหมือนเมื่อวานโดนจัดเต็มไปแล้ว) เราเลยคิดว่าถึงคิวเราต้องถามนานแน่ เพราะเมื่อวานแทบไม่โดนถามอะไร แต่ที่ไหนได้ เราดันโดนถามน้อยมากก ตั้งแต่เมื่อวานละ แอบใจไม่ดีคิดว่าเค้าคงไม่เอาเราเข้ารอบชัวร์ คือออ ...พอเข้าไปในห้อง ก็ยื่นใบสมัครที่เค้าให้ไปกรอกเมื่อวานเค้าก็เช็คว่าเราเขียนทุกอย่างครบถ้วนและถูกต้องไหม แล้วเค้าก็เน้นเรื่องแผลเป็นที่ต้อง declare อีกที แน่ใจนะ ไม่มี birthmarks, tattoos, permanent make-up, scars อะไรแน่นะ เราก็ no no no no ไปหมดเลยค่า (แอบจิกมือที่มีแผลเป็นแน่นเลย) แล้วเค้าก็ดู CV เราแล้วไปเห็นตรงบรรทัดสุดท้าย เราเคยเป็น resort owner เค้าก็ถามว่าทำรีสอร์ตที่ไหน เราก็บอกปาย เป็นอำเภออยู่ภาคเหนือ ติดเชียงใหม่ เคยไปเที่ยวไหม เค้าบอกไม่เคย เคยไปแค่เชียงใหม่ แล้วถามว่ารีสอร์ตเป็นแนวไหน แล้วขายทำไม เราก็อธิบายประมาณ at that time my mum got ovarian cancer. She asked me whether to sell the resort or quit college, so I decided to sell it. เค้าก็บอกอืมมม such a vise decision ดีแล้วที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะวันนึงยูทำงานยูมีเงิน ยูก็เอาเงินไปซื้อรีสอร์ตที่ไหนอีกก็ได้ แล้ว Tina ก็ถามว่าแล้วทำไมยูถึงเป็นเจ้าของได้ อายุแค่นี้ ก็เล่าไปว่า My parents had financial problems and they were in a blacklist. So they transferred everything to my name when I turned 18. เค้าก็ทำหน้าเข้าใจ เห้ยยย คือเราไม่ได้ตั้งใจจะดราม่าเพื่อเรียกคะแนนสงสารนะ แต่ชีวิตเรามีแค่นี้จริงๆ ถามเรื่องส่วนตัวในชีวิตไม่มีเรื่องไหนดี เศร้าหมด เคนะ 555555 เค้าก็บอกว่าจบแล้ว มีอะไรจะถามไหม เราก็ถามเรื่องชุดที่ต้องใส่ถ่ายรูปใหม่เฉยๆ แล้วก็กลับ รอผลทาง email เย่


██ ‎รอผล ██

 วันต่อมาคือวันที่ 24 เพื่อนๆก็เริ่มทยอยส่งรูปให้เค้าทาง email แต่เรายังไม่ได้ส่ง สักพักตอนช่วงห้า หกโมงเย็น ในกรุ๊ปไลน์เริ่มเด้ง มีคนได้เมลล์ regret แล้วทั้งๆที่ยังไม่ส่งรูป ผ่านไปอีก 10-15 นาที คนที่สองพิมพ์บอกว่าได้เมลล์ regret แต่ก็ส่งรูปไปแล้วนะ เอาสิ...ตอนนั้นคือลุ้นมากกกก รีบกลับบ้านส่งไฟล์รูปเพราะกลัวเค้าตัดตก จนผ่านไปประมาณ 6 คนที่ได้เมลล์ เมลล์เราก็เด้ง... เห้ย ตกใจ มันไวมากเราได้เมลล์เป็นคนต้นๆเลย regret ใช่ไหม..ไม่กล้าเปิด ทำใจอยู่นาทีนึง คลิกไปอ่าน.....เห้ยยยยยย มันคือลิงค์ให้กรอก short form กับ long form ไม่มีคำว่า regret! คือดีใจมากกกกกก แล้วที่บ้านกำลังเลี้ยงวันเกิดให้แฟนด้วย ตอนนั้นคือทุกคนดีใจกันหมด โดยเฉพาะแม่แฟน เพราะเค้าคือคนที่ผลักดันให้เราไปสมัคร 55555 จากนั้นเราไม่กินไรละ นั่งกรอกฟอร์มอย่างเดียว ยาวมากกกกก แต่เราก็บอกทุกคนนะว่ายังไม่ได้หรอก เราไม่อยากตื่นเต้นไปมากกว่านี้ เพราะนี่ก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรว่าจะได้หรือไม่.... รอไปยาวๆ

 สรุป Process เรา... สัมภาษณ์สามวัน วันที่สี่รู้ผล Final เลย น่าจะเหลือประมาณ 37 คน (ดูจากสมาชิกกลุ่มไลน์) ตอนนี้ผ่านมาจะ 3 สัปดาห์แล้ว ยังไม่มีเมลล์ Congrats หรือเมลล์ตรวจร่างกายเข้ามา..ก็นั่งเช็คเมลล์กันต่อไป

♥ ‎PLUSSS‬!!!

 เป็นตัวของตัวเองที่สุด อย่าเฟค แต่ก็อย่าแบบปล่อยตัวมากไป 555

 Self-confidence คือจำเป็นมากกก ถามอะไรพยายามตอบให้ไว อย่าแค่ yes no ok พยักหน้าอย่างเดียว แต่ก็อย่า overconfident น้า

 เราว่ากรรมการที่มารอบเราใจดีมากเลยนะ เค้า friendly มากกกก โชคดีไป... แถมเค้าพูดด้วยนะประมาณว่าพวกยูเป็นบ้ากันรึเปล่ามองอะไรก็ยิ้ม ไอแจกกระดาษให้ก็ยิ้มกับกระดาษ หยุดยิ้มกันได้แล้วมันดูตลก ไรงี้ 555

 สำหรับผู้ชาย วันแรกไม่แน่ใจว่าไปกันกี่คน แต่รอบ 143 ผ่านมาแค่คนเดียว แต่ไม่มีใน 45 คนสุดท้าย.....โอกาสของผู้ชายอาจจะน้อยกว่าก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มี จริงมะ

 จะได้หรือไม่ได้ อย่างน้อยมันก็เป็นประสบการณ์ดีๆอ่ะเนอะ ^^ ต่อจากตอนนี้เราอาจจะโดนตัดตก แต่ถ้าไม่ได้ยังไงเราก็จะไปลองอีกเรื่อยๆ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็จะมาอัพเดทเรื่อยๆน้า

เอารูปลงให้เป็นแรงบันดาลใจอีกสักรูป 555555



สู้ๆค่าทุกคนนน


4 comments:

  1. ผมกำลังจะไปรอบเชียงใหม่ เดือนตุลาคม 59 นี้ ไม่รู้ขั้นตอน ไม่รู้อะไรมาก แค่อยากลองไปเก็บไว้เป็นประสบการณ์เฉยๆ แต่ก็จะทำให้ออกมาดีเท่าที่จะทำได้ครับ...

    ReplyDelete
  2. ผมกำลังจะไปรอบเชียงใหม่ เดือนตุลาคม 59 นี้ ไม่รู้ขั้นตอน ไม่รู้อะไรมาก แค่อยากลองไปเก็บไว้เป็นประสบการณ์เฉยๆ แต่ก็จะทำให้ออกมาดีเท่าที่จะทำได้ครับ...

    ReplyDelete
  3. https://www.zensestudio.com/article/ถ่ายรูปสมัครแอร์โฮสเตส-สจ๊วต-final-qatar
    ตัวอย่างรูปถ่ายสำหรับรอบไฟนอล กาตาร์แอร์เวย์นะคะ เสื้อต้องเป็นแขนสั้น เหนือศอก (ทางร้านมีบริการทั้งชุดค่ะ) รูปไม่รีทัช ถ้าต้องรีบใช้สามารถทำรูปด่วน รับได้ในวัน ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ

    ReplyDelete
  4. Several airlines offer frequent flyer programmes as a reward for flying with their airline. Go to the airline's website which you are interested in joining and go to their frequent flyer section. thy uçak bileti

    ReplyDelete